โปสเตอร์ป๊ะกั๋นยามแลงครั้งล่าสุด ครั้งที ๒๙

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552

๑๐ เมษายน ๒๕๕๒ สรุป..ตามฮีตโตยฮอย ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง








ป๊ะกั๋นยามแลงครั้งที่ซาว...เราสัญจรไปร่วมงานกับเทศบาลนครลำปาง...สลุงหลวง กลองใหญ่ ปี๋ใหม่เมือง นครลำปาง
ผู้เข้าร่วมเสวนา อ.ประดิษฐ์ สรรพช่าง อดีต ผอ.สำนักศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง,อ.อัมพร เทพปินตา รองประธานสภาวัฒนธรรม จ.ลำปาง และดำเนินรายการเสวนาโดย อ.จริยา วิไลวรรณ อ.ภาควิชาจิตวิทยา สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตลำปาง
“ตามฮีต โตยฮอย ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง” ผู้เข้าร่วม นั่งฟรี ฟังฟรี พูดฟรี มีทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้สูงวัย และคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่

เวทีเสวนา ได้รื้อฟื้นความทรงจำในประเพณีปี๋ใหม่เมือง ที่ปฏิบัติมาแต่โบราณกาล ทั้งเรื่องวัฒนธรรมและกิจกรรมต่างๆ การตำหัว การทำอาหาร ทำบุญ การถวายไม้ค้ำศรี...ที่วันนี้เปลี่ยนแปลงไป และสิ่งที่ควรเปลี่ยนไป
เช่นการดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่ เป็นการขอสูมาลาโทษ ที่ผู้อ่อนอาวุโส(ลูกหลาน)ได้เคยล่วงเกิน ทั้งโดยตั้งใจ ไม่ตั้งใจ
แต่เดิม การดำหัว จะมีการตระเตรียมน้ำอบหอมผสมดอกขมิ้น ส้มป่อย ข้าวตอกดอกไม้ ขอพรผู้สูงอายุ เสร็จแล้วผู้สูงอายุจะอวยพรและวักน้ำอบน้ำหอมลูบศีรษะและพรมให้กับผู้น้อย...แต่ปัจจุบัน การดำหัว เป็น ผู้น้อย ตักน้ำอบหอมรดมือให้ผู้หลักผู้ใหญ่ ไปเสียแล้ว
อีกเรื่อง การทำไม้คำศรีถวายวัด..นำไปค้ำต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นสัญลักษณ์ ว่า เป็นการค้ำเพื่อดำรงพระพุทธศาสนา ที่เคยถวายกันบ้านละต้น แห่แหนกันไปวัด ปีละครั้งในวันพญาวัน แต่เดิมนั้น เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรม และ ในขณะเดียวกัน เป็นการทำลายธรรมชาติ ทำลายต้นไม้ไปด้วยในตัว...ผู้เสวนา อ.อัมพร เทพปินตา เสนอแนวคิดว่า เป็นไป
ได้ไหมว่า
ไม้ค้ำศรีเดิม ที่เคยถวายวัด บูชาคืนแล้วกลับมาใช้ใหม่ในปีต่อไป หรือรวมกันทำ หมู่บ้านหนึ่งเพียง 2- 3 ต้นก็พอแล้ว


มีความเห็นจากผู้ร่วมฟังการเสวนามากมาย ทั้ง ผู้อาวุโส และคนรุ่นใหม่ ต่างให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ เช่นการแต่งกาย และกิจกรรมต่างๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ คือผู้ที่จะถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกหลาน เพื่ออนุรักษ์ประเพณีปี๋ใหม่เมืองอันดีงามสืบต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2552

สรุปป๊ะกั๋นยามแลงครั้งที่ ๑๙




















สรุปป๊ะกั๋นยามแลงครั้งที่ ๑๙
มลพิษหมอกควันกำลังทำร้ายคนลำปาง เราจะหยุดมันได้อย่างไร
ย่ำค่ำของวันที่เสาร์ที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๒ หน้าทิพย์อินน์เกสต์เฮาส์ กาดกองต้า ผู้นำเสวนาทยอยกันมา คุณสุพีระ ลัดดาชยาพร หัวหน้ากลุ่มเฝ้าระวังและควบคุมมลพิษ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ ๒ ลำปาง คุณยุพา จวงพลงาม พยาบาลอาชีวอนามัย โรงพยาบาลลำปาง คุณสุรพล ตันสุวรรณ รองนายกเทศมนตรีนครลำปาง ตามมา ส่วนคุณชัยวัฒน์ ทาปลูก ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ ตามมาทีหลัง เพราะหาที่เสวนาไม่เจอ แต่พอมาถึง ก็ร่วมกันเสวนาอย่างเข้มข้น นพ.โกมล ภัทรฤทธิกุล ผู้ดำเนินการเสวนา และมี อ.วันชาติ นภาศรี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยโยนก ผู้ทำวิจัยเรื่อง แนวทางการบริหารจัดการเครือข่ายลดมลภาวะทางอากาศกรณีศึกษา : พื้นที่อำเภองาว จังหวัดลำปาง และคุณบริบูรณ์ วชิรานุภาพ ประธานชุมชนจามเทวี เทศบาลนครลำปาง


เริ่มจาก คุณสุพีระ เล่าถึงสถานการณ์หมอกควันพิษ บอกเฝ้าระวังหมอกควันมาหลายปี มีจุดวัดหมอกควัน ๓ จุด จุดหนึ่งแถวศาลหลักเมือง จุดสอง อยู่ตรงสถานีอนามัยสบป๊าด อ.แม่เมาะ จุดสาม ตรงแถวประปาท่าสี อ.เมือง ปัญหาหมอกควันเกินค่ามาตรฐาน ๑๒๐ ไมโครกรัมต่อลบ.ม. มา ๒ -๓ ปี โดยวัดตลอด ๒๔ ชั่วโมง บางช่วง มีค่าสูงถึง ๕๐๐ ไมโครกรัมต่อลบ.ม. ค่าเฉลี่ยต่อวัน มีบางวันสูงเกือบ ๓๐๐ ไมโครกรัมต่อลบ.ม. ส่วนใหญ่จะสูงตอนกลางคืน ตี ๑ ตี ๒ ปัญหาของมลพิษหมอกควัน ส่วนหนึ่งเกิดจากลักษณะของภูมิประเทศของลำปางเป็นแอ่งกระทะ และช่วงเดือนนี้ เป็นช่วงที่มีความกดอากาศสูง


ปัญหามลพิษหมอกควัน สาเหตุเกิดจากคนทั้งหมด ที่จุดไฟเผาก่อให้เกิดหมอกควัน เผาไร่ เพื่อเตรียมปลูกข้าวโพด ปลูกอ้อย หรือทำไร่อย่างอื่น และ การเผาขยะ เศษใบไม้ กิ่งไม้ ต้องหาทางออกให้ชาวไร่ไม่ต้องเผาป่า เพื่อเตรียมในการ ปลูกไร่ ส่วนเรื่องการกำจัด ใบไม้ กิ่งไม้ ควรจะขุดหลุม หมักทำปุ๋ย หรือปล่อยให้ย่อยสลายตามธรรมชาติ ถ้าชาวบ้านไม่สามารกำจัดเองได้ เทศบาล หรือ อบต.ต้องมีหน้าที่จัดเก็บ ไม่เผา เอาไปรวมกันทิ้งเพื่อให้ย่อยเอง หรือไปทำปุ๋ยก็ได้ เทศบาลนครลำปาง ชุมชนม่อนกระทิง กับ ชุมชนป่าขาม๒ มีเครื่องบดใบไม้เพื่อไปใช้ประโยชน์ต่อไป เครื่องนี้ควรได้ซื้อให้ครบทุกชุมชน เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านเผาขยะ


คุณสุรพล เล่าถึงสาเหตุต่างๆของหมอกควัน คุณยุพา กล่าวถึงเวลาที่มีมลพิษหมอกควัน ควรจะป้องกันตนเองอย่างไร อ.วันชาติ เล่าถึง การแก้ไขปัญหาหมอกควันโดยใช้ไตรภาคี ชุมชน ชาวบ้าน เป็นตัวหลัก ร่วมกันในการแก้ปัญหา หน่วยงานของรัฐอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ต้องเป็นผู้นำในการแก้ปัญหา ควรจะถือว่าเป็น วาระของจังหวัด แก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพราะปัญหามลพิษหมอกควัน มีแต่จะทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี พวกเราทุกคนต้องร่วมมือ ร่วมแรงกันแก้ปัญหา ต่อไปปีหน้าปัญหาเรื่องหมอกควันจะได้เบาบางลง หน่วยงานราชการก็ต้องใส่ใจในเรื่องการเผาหญ้า แขวงการทาง หรือ การตัดหญ้าบริเวณเสาโทรคมนาคม
สุดท้ายการร่วมมือ ของทุกฝ่าย ราชการ ท้องที่ ท้องถิ่น จัดการปัญหาอย่างเป็นระบบ จะเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ที่จะไม่ทำให้มลพิษหมอกควันทำร้ายคนลำปางอีกต่อไป